Friday, August 19, 2011

Introducing French Riviera - Nice



The Côte d’Azur : French Riviera

Part (I) : Nice
สุดสัปดาห์นี้ กลับมาพบกันอีกครั้ง กับการเดินทางรอบโลกของ PhD น้อยนะคะ เป็นอย่างไรกันบ้างกับสัปดาห์ที่ผ่านมา งานเยอะกันมั้ยคะ ? ในส่วนของ PhD น้อย ภารกิจปริญญาเอกยังคงเยอะเหมือนเดิม และยังคงต้องอาศัย ธรรมะ และ การปล่อยวาง เข้าช่วยจิตใจเหมือนเดิมค่ะ เนื่องจาก PhD น้อยเป็นคนชอบเครียด และ บางที จริงจังกับเรื่องการเรียนมากเกินไป (ซึ่งความจริงแล้ว ปล่อยวางบ้างก็ได้) แต่ไม่เป็นไร อีกสองเดือนก็ได้กลับบ้านไปเจอหน้าครอบครัวสุดที่รักแล้วค่ะ เย้ๆ

...เอาล่ะ บ่นเยอะอยู่ทำไม..อากาศดีๆแบบนี้ ไปตะลุยทะเลกันดีกว่า...

ซึ่งทะเลที่ PhD น้อยจะพาไปวันนี้ ก็คือชายฝั่งทะเล Mediterranean แห่ง French Riviera อันโด่งดัง ณ เมือง Nice ดินแดน ฝรั่งเศสตอนใต้ นั่นเองค่ะ




ทริปนี้ เราเริ่มเดินทางจาก Zermatt ณ Switzerland..นั่งรถไฟต๊อกๆ มา Geneva และมาขึ้น EasyJet ตรงดิ่งมาที่ Nice เลยค่ะ สนามบิน Nice ติดทะเล เมดิเตอเรเนียน วิวสวยมากค่ะ

Tips: จากสนามบิน นั่งรถไฟเบอร์ 98 เรียบทะเล เข้ามาในเมืองได้เลยเจ๊าา
คราวนี้ ที่พัก PhD น้อยอยู่แถว สถานีรถไฟกลางเมือง ซึ่งเป็นศูนย์กลางหากเราจะนั่งรถไฟไปเที่ยว Cannes หรือ Monaco สำหรับผู้ที่จะแพลนมาเที่ยว Nice, Cannes, Monaco ให้เลือก พักที่ Nice เป็นศุนย์กลางได้เลยค่ะ Nice, Cannes, Monaco เที่ยวอย่างละวันก็หมดแล้ว
เมือง Cannes จะอยู่ห่างจาก Nice ประมาณ 30 นาที โดยรถไฟ เช่นเดียวกับ Monaco ห่างจาก Nice ประมาณ 40-50 นาที โดยรถไฟค่ะ (รายละเอียด จะพูดถึงในทริปวันต่อๆไป หลังจากนี้นะคะ)

Tips: หิวข้าวแล้ววว ทานอะไรดีนะ ง่ายๆ เร็วๆ ?? แล้วจะซื้อน้ำที่ไหนดีน๊าา 

ณ จุดนี้ยังไม่ต้องพึ่ง McDonald หรือ BK นะคะ .. เดินไปที่หน้าสถานีรถไฟ จะเจอ อาหาร Vietnam Fast food (ออกแนวข้าวราดแกงบ้านเรา+ อาหารจีน ) มีลูกชิ้น หมูปิ้ง ปอเปี้ยะสด ปอเปี้ยะทอด ก๋วยเตี๋ยวเวียดนามแบบ Pho ปลาผัดพริก หมูหวาน ข้าวผัดกุนเชียง เอ้ะ นี่อาหารไทยหรือเปล่า ?? ขอแนะนำว่าให้ลองทานดูค่ะ ราคาย่อมเยา รสชาติใช้ได้ แบบคาดไม่ถึงเลยค่ะ  (และกลายเป็นร้านอาหารหลักของ PhD น้อย งบน้อย ไปตามระเบียบ)

ส่วนน้ำ ร้านอาหารส่วนใหญ่ตาม EU จะชาร์ตค่าน้ำแพงกว่าปกติค่ะ ด้วยว่าน้ำที่นั่นไม่ได้ Fix ราคา ถ้าไปซื้อแถวชายหาด ก็เจอราคานักท่องเที่ยว ถ้าทานในร้าน ก็ราคาตามเมนู ดังนั้น PhD น้อยจึงขอแนะนำว่าให้หา Supermarket ต่างๆ ตามซอกซอย แล้วซื้อน้ำขวดใหญ่ตุนไว้หนึ่งขวดเลยค่ะ จะซื้อ Avian ก็ได้ราคาไม่แพง (ขวดใหญ่ประมาณ 0.25 Euro หรือมากน้อยกว่านี้ ราคา Supermarket ค่ะ ) ส่วนน้ำอัดลม ถ้าอยากทานก็ให้ซื้อใน Super เอาเช่นกันค่ะ..PhD น้อย ขอแนะนำ Liptonic Lipton ice tea ค่ะ เป็น Ice tea แบบซ่า...หาทานได้ที่ แถบ EU เท่านั้นค่ะ




เอาล่ะ ทีนี้ น่าจะพร้อมไปเที่ยวทะเลกันแล้ว..สมมติว่าเรามีเวลาวันนึงเต็มๆนะคะ สมมติว่าที่พักอยู่
แถวสถานีรถไฟกลางเมืองด้วย เริ่มได้แบบนี้เลยค่ะ

เริ่มจากถนนเส้นหลักของเมือง Avenue Jean Medicin ถนนเส้นนี้จะประกอบไปด้วยร้านค้าใหญ่ต่างๆ เช่น Zara, Sephora และมีรถรางผ่าน เดินตามถนนสายนี้ลงไปเรื่อยๆในทิศทางเข้าหา Beach ก็จะเจอ Place Massena ค่ะ  


Avenue Jean Medicin ในทิศทางเข้าสู่ Place Massena
Place Massena



  
จาก Place Massena ด้านซ้ายมือก็จะเริ่มเป็นย่านเมืองเก่าแล้วค่ะ ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ไปหาอาหารเช้าทานแถวๆนั้นก่อน เที่ยวแถวเมืองเก่าซักพัก แล้วค่อยลงไป Beach กันค่ะ

สุดถนนเส้นนี้ มีห้างใหญ่ Galeries Lafayette ที่พวกเรารู้จักกันดี สามารถหาซื้อ LV กันได้ ตามสบายกระเป๋าค่ะ 

จากจุดนี้ เดินเลาะซ้ายไปเรื่อยๆ มุ่งหน้าไปสู่ Cours Saleya ตลาดเช้าย่านเมืองเก่าของ Nice กันเลยค่ะ


เจอตลาดดอกไม้ เรียกว่า Marche aux Fleurs
ขนมหวานแบบ Provence Provence ลูกชุบบ้านเรานี่เอง ..หวานไปหน่อย ไม่หอมเหมือนบ้านเรา
ขายผักด้วย
เข้า Cafe แถวนั้น แล้วสั่ั่ง French Breakfast set ออกมาแบบที่เห็นค่ะ ครัวซอง กุ้กกิ้ก..แยมฝาน่ารัก..น้ำส้มจุ๋มจิ๋ม..กาแฟอ่อนๆ

อิ่มแล้ว เดินเล่นแถวนี้ซักพัก ดูร้านค้าขายของค่ะ


แถวนี้จะขายผลิตภัณฑ์ Lavender จาก Provence ซะส่วนใหญ่ค่ะ
โบสถ์ Saint Reparate แถวๆ Cours Saleya ค่ะ

หลังจากนั้น เราเดินต่อไปกันที่ Castle Hill (Colline du Chateau ) เพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิวบนเนินเขาค่ะ จาก Cours Saleya จะเจอทางเดินขึ้นเนิน พร้อมบ้านเมืองสีสันแบบ French Riviera แบบนี้ค่ะ



บน Castle Hill จะมีน้ำตกสูงๆอยู่หนึ่งอัน สวยดีค่ะ




วิวด้านหนึ่ง บน Castle Hills คือท่าเรือน้ำลึก
วิวอีกด้านหนึ่งคือ ชายหาด Promenade des Anglais หรือชายหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดของ Nice ค่ะ
หลังจากที่ลงมาจากเขา เราก็เดินไปยังชายหาดนี้กันได้เลยค่ะ ชายหาด Promenade des Anglais บน Mediterranean coast


มีหนุ่มๆสาวๆมาอาบแดดกันเต็มไปหมดเลยค่ะ หาดตรงนี้อาบแดดฟรีนะคะ 
Beach Volleyball
มุมอาบแดดแบบไม่ฟรี ต้องมี Ticket
อากาศที่นี่ร้อนมากค่ะ ร้อนเท่ากับเมืองไทย หรือบางทีก็มากกว่า อย่าลืมทาครีมกันแดดกันนะคะ ไม่งั้นกลับมาอีกทีดำ จะหาว่าไม่เตื่อนนะคะ

เดินเรียบหาดมา จะเจอ Le place Massena ซึ่งถือว่าเป็น Museum ที่สวยมาก และเปน a must visit at Nice ค่ะ แต่ PhD น้อยร้อน เลยไม่ได้เข้า แต่ถ่ายรูปมาฝากกันค่ะ


Le place Masesna
ถัดจาก Museum จะเจอโรงแรมดังของที่นี่ Hotel Le Negresco ซึ่ง Luxury มาก ถือว่าแพง และ หรูที่สุดใน Nice ค่ะ


Hotel Le Negresco
นั่งพักผ่อนชิวๆ ตากแดดเพลินๆ หรือจะเล่นน้ำอาบแดดก็ได้ เวลาเยอะค่ะ พอเย็น เรากลับมาที่ Cours Saleya ใหม่ มาทานอาหารเย็นแบบ Nice Nice กันค่ะ


ร้านอาหารเริ่มเปิดกันแล้วว
มา Nice อย่าให้พลาดค่ะ หอยนางรม ปูทะเลตัวใหญ่ๆจัดไป ( แต่ PhD น้อยไม่ได้ทาน Oyster ค่ะวันนั้น PhD น้อยก็จัดหนัก Paella ไปเหมือนกัน)

กุ้ง หอย ปู ปลา ค่ะ
เป็นยังไงกันบ้างคะ เที่ยวกันอิ่มหรือยัง ถ้ายัง..ติดตามชมอัลบั้ม Nice Nice กันได้ต่อ จาก อัลบั้ม Facebook ตาม Page LynZie : PhD the Wanderer ตามด้านบนได้เลยค่ะ

สำหรับใครมีข้อสงสัยใดๆ หรือต่้องการวางแผนเที่ยว เชิญใน Facebook หรือ หลังไมค์ได้เลยค่ะ

วันนี้ลากันไปแค่นี้.. Good Night ราตรีสวัสดิ์ฝันดีกันทุกคนนะคะ

Saturday, August 13, 2011

Santorini : Where the Sun meets the Sea

"I have a dream, a song to sing
To help me cope with anything..
If you see the wonder .. of a fairy tale
You can take the future .. even if you fail"


------------------------------------------
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่เหงาๆ ใน UK อากาศยังคงมืดครึ้มเหมือนเดิม แถมยังได้รับรายงานมาว่าเชื้อโรค E. Coli เริ่มระบาดแถวเมืองที่อยู่แล้วด้วย ช่วงนี้จะทานผักดิบหรือผลไม้ ก็ระวังกันหน่อยนะคะ ที่นี่ไม่ค่อยปลอดภัยเลย อยากกลับบ้านจัง

เอาหล่ะ PhD น้อยไม่บ่นแล้ว แต่วันนี้ PhD น้อยจะพาไปเที่ยว ในที่ที่ค้างคาไว้ จากที่บอกกันว่าไป ยุโรป 17 วัน..แล้ววีซ่าเหลือ ก็เลย "จัดไป" ทั้ง Athens และ Santorini เกาะสวรรค์ แห่ง ท้องทะเล Mediterranean ค่ะ

เราเริ่มเดินทางจาก Athens โดย Subway มาลงที่ท่าเรือ Piraeus เพื่อที่จะนั่งเรือไปยังเกาะ Santorini ค่ะ เรือโดยสารไปยังเกาะ สามารถดูได้ที่ http://www.bluestarferries.gr การเดินทางไป Santorini มีวันละสอรอบค่ะ รอบเช้าสุด 7.30 กับอีกรอบประมาณ 15.00 (โดยประมาณ) ค่ะ 
PhD น้อยและหมู่คณะ เลือกรอบ 7.30 am ใช้เวลาเดินทางบน ferry ใหญ่ ประมาณ 8 ชม ผ่านเกาะเล็กเกาะน้อย Andros, Syros, Tinos, Ios. Mykanos, Naxos, Paros บนท้องทะเล Aegean ..และในที่สุด ก็เดินทางมาถึง Santorini หรือ Thira ตามที่คน Greece เค้าเรียกกันค่ะ

Tips: ถ้าไปเที่ยวช่วง High Season ประมาณ May-August จองเรือไปก่อนก็ดีนะคะ กันพลาด

วิวตามเกาะต่างๆ ระหว่างทาง
เรือออกเดินทางต่อ พร้อมสีของน้ำทะเล เมดิเตอเรเนียน
พอนั่งเรือมาถึง ก็นั่ง Local Bus ขึ้นมาได้เลยค่ะ ค่ารถบัสประมาณ 2.2 ยูโรต่อเที่ยว มาลงในตัวเมือง Fira ซึ่งเป็นเมืองหลักของที่นี่ หรือใครจะเช่ารถขับก็ได้ ไม่แพงค่ะ เกียร์ธรรมดาราคาประมาณ 30 ยูโรต่อวัน แต่ที่นี่ขับกันมือซ้าย ก็เลยไม่ค่อยถนัดค่ะ 

First glance @ Fira
วิวด้านบน เป็นวิวที่มองจากเมือง Fira ค่ะ ซึ่งจะเห็นภูเขาไฟที่ดับแล้วอยู่กลางทะเล มุมด้านที่ติดทะเลลงไปแบบนี้และเห็นภูเขาไฟ จะเรียกกันว่า Caldera View หรือ Volcano View ค่ะ โรงแรมที่ติดด้านนี้จะแพงมาก หรือบางที่ ก็จะมีการสร้างสระว่ายน้ำ เป็น Pool Villa แบบติดหน้าผา เล่นน้ำไป มองเมติเตอเรเนียนไป มีความสุขจริงๆค่ะ ( ที่พัก PhD น้อย งบน้อยตามชื่อ..จึงไม่มีวิวแบบนี้ให้เห็นค่ะ )
Santorini's signature, with the Caldera view
Santorini เป็นเกาะเล็กๆ ที่มีบ้านเมืองสีขาวเรียงรายอยู่ตามหน้าผาเต็มไปหมด เมืองที่ดังมีอยู่ 2 เมือง คือ Fira และ Oia (อ่านว่า "เอีย" ) ที่นี่ นอกจากจะมีชื่อเสียงของบ้านเมืองสีขาวน่ารักแล้ว (ถ้าใครเคยดู Mama Mia ก็คงจะจำกันได้โน้ะ)  เมืองนี้ยังถือกันว่า เป็นเมืองที่มีจุดชมพระอาทิตย์ตก ที่สวยงามติดอันดับโลก ซึ่ง อยู่ที่ Oia ค่ะ เดี๋ยว PhD น้อยจะพาไปชมทั้งสองจุดเลยนะคะ

Tips: การเดินทางใน Santorini ถ้าจะเดินทางจาก Fira ไป Oia แล้ว สามารถทำได้โดยรถยนต์ส่วนตัว รสบัส หรือไม่ก็เช่า Scooter ขับบนเกาะได้ค่ะ

Where the Sea meets the Sun @ Fira
มืดแล้ว..ไปหา Waffle กะ Milkshake กิน ที่ Cafe น่ารักๆดีกว่า
ที่นั่งน่ารักมากมาย..อยากมาอีกจัง
หมดแรง วันนี้พอแค่นี้ก่อน zzZZ..........เช้าแล้ววว อิอิ เร็วมั้ย..ไปเที่ยวกันต่อเลยค่ะ เริ่มเลย กับ โบสถ์ที่ Santorini ซึ่งมีลักษณะเด่นเป็นรูปโดมสีน้ำเงิน และ มีไม้กางเขน เป็นเอกลักษณ์อย่างนึ่งของเกาะ

วันนี้ตื่นมาพร้อมกับกล้อง Nikon D90 ค่ะ มะช่ายกล้องกิ้กก้อก G11 
Santorini เป็นเกาะที่อยู่บนภูเขาค่ะ ต้องนั่งรถเมล์ขึ้นมา สูงมากก
ได้เวลาไป Oia แล้วค่ะ เดียวไม่มีเวลาเที่ยวที่นู่น ต้องไปจองที่นั่งชมพระอาทิตย์ตกอีก กลับไปนั่งรถเมล์ที่ Fira Square นั่งสาย 11 ไปลงที่ Oia สุดสายเลยค่ะ

Oia, Santorini
เหนื่อยแล้ว..นั่งกิน Milkshake ที่ Cafe กับวิวตรงหน้าที่ Oia ค่ะ
เดินไปเดินมา..รีบๆไปจองจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในโลก @Oia
เดินไปถึงสุดเกาะ Oia เลยค่ะ สำหรับวิวชมพระอาทิตย์ตก จริงๆแล้วเนี่ย นักท่องเที่ยวจะนิยมไปชมกันที่ Castle View ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น the best sunset view เพราะว่าจะได้มุมที่กว้างมาก ของทะเลเมดิเตอเรเนียน แต่ PhD น้อยจะขอบอกว่า คนเยอะมากกก เหมือนไปชมกำแพงเมืองจีนอย่างไรอย่างนั้นเลย PhD น้อยก็เลยสวมวิญญาณเป็น ดญ. Santorini คอยด้อมๆมองๆดูว่า ชาวบ้าน Local เค้าดูกันตรงไหน ได้ผลว่า เค้าจะมาเร็วหน่อย มาจับจองพื้นที่ตามซอยเล็ก ซอกน้อย ตรงปลายสุดของ Oia กันค่ะ ซึ่งก็ได้ผล คนน้อย วิวสวย เงียบสงบ ได้วิวตามที่เหนค่ะ

As it claims, one of the most beautiful sunset spot of the world
Windmills @ Sunset at Oia
สำหรับรูปสวยๆ ใน Blog วันนี้พอแค่นี้นะคะ มิตรรัก แฟนเพลง สามารถติดตามรูปสวยๆของ Santorini ได้มากขึ้น จาก อัลบั้ม Santorini จาก page LynZie : PhD the Wanderer ใน Facebook โดย Follow link ด้านบน blog ได้เลยค่ะ

Good night ราตรีสวัสดิ์ค่ะ  

Thursday, August 11, 2011

แม่ของฉัน กับ เจ้านายของฉัน


แม่ของฉัน ..กับ..เจ้านายของฉัน

---------------------------------------------

เรื่องจริงในชีวิต..ของใครหลายๆคน
 ใคร เคยทำกับแม่แบบนี้บ้าง ? 
ใคร เคยมีเหตุการณ์ลับคล้ายคลับคลาแบบนี้บ้าง ?

วันนี้ คุณให้เวลาท่านบ้างแล้วหรือยัง ?

ทุกวัน ฉันต้องตื่นเช้า เข้างานแปดโมง วันนี้..ก็เหมือนเคย
แต่เมื่อคืนฉันทำงานจนดึก ตื่นสาย.. อารมณ์ตอนนั้น โมโหตัวเองมาก ที่ลืมตั้งนาฟิกาปลุก (โดนเจ้านายด่าแน่ๆ )
   
แม่มาเคาะประตูห้อง .... “ ตื่นหรือยังลูก หกโมงแล้ว “ 
ฉันหงุดหงิดมาก ........... โธ่ !! แล้วทำไมแม่ไม่ปลุกหนูให้เร็วกว่านี้ 
เนี่ย..หนูไปทำงานไม่ทันแล้ว วันนี้..มีประชุมด้วย 
“ แม่ทำข้าวต้มให้หนูอยู่ เมื่อคืนเห็นนอนดึก อยากให้กินอะไรร้อนๆหน่อย “ ........ 
แม่ไม่ต้องมาพูดเลย ไม่กง ไม่กินมันแล้ว 
.....แม่จับแขนฉันเบาๆก่อนเดินออกจากห้อง อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ ลงมาข้างล่าง แม่นั่งรออยู่ที่โต๊ะกินข้าว “ กินข้าวต้มกับแม่ก่อนนะลูกนะ แม่รอหนูอยู่ “ 
หนูไม่กิน พูดโดยไม่มองหน้าแม่ เดินออกมาจากบ้านทันที 
ถึงที่ทำงาน “ ไม่รู้หรืองัย ว่าวันนี้มีประชุม แล้วรายงานอยู่ไหน “ 
ยกมือไหว้ .. ขอโทษค่ะพี่ ....รีบส่งรายงานให้อย่างอ่อนน้อมถ่อมตน 
“ พี่เลื่อนประชุมไปเป็น 10 โมงนะ เดี๋ยวช่วยไปหาอะไรให้พี่กินหน่อยสิ “ ... 
ได้ค่ะพี่ ... 
วิ่งเข้าห้องครัว หยิบโจ๊กกึ่งสำเร็จรูป รีบ รีบ รีบ เติมน้ำร้อน ... 
ว๊า !! น้ำร้อนลวกมือ ... มาแล้วค่ะพี่ โจ๊กร้อนๆเลยค่ะ.... 
ออกจากห้องประชุมเกือบเที่ยง แม่โทรมาจากบ้าน 
“ เมื่อเช้า.. หนูวางผ้าเช็ดหน้าไว้ตรงไหนลูก แม่หาในตะกร้าไม่เจอ 
จะเอาไปซักน่ะ “ 
หาไม่เจอก็ไม่ต้องซักหรอก หนูจำไม่ได้ คงโยนไว้ที่ไหนน่ะแหละ เมื่อเช้าหนูรีบ ....... “ ไม่เป็นไรลูก แล้วเย็นนี้..กลับกี่โมง มากินข้าวกับแม่นะ” 
ยังไม่รู้หรอกแม่ ว่างานเสร็จเมื่อไหร่ 
ยังงัย..แม่กินไปก่อนเลยแล้วกัน ไม่ต้องรอ ..... 
วางหูโทรศัพท์ ก้มหน้า ก้มตาทำงาน เอาใจเจ้านาย .... 
“เอ!! พี่วางบัญชีรายชื่อลูกค้าทิ้งไว้แถวนี้มั่งรึเปล่า ไม่รู้ไปลืมไว้ที่ไหน หาไม่เจอ.. 
ไม่เป็นไรค่ะพี่ เดี๋ยวหนูช่วยหา 
พี่ลงไปทานข้าวเถอะค่ะเที่ยงกว่าแล้วนะคะ 
.... หา หา หา หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ 
โธ่..พี่ขา ก็พี่มาทำหล่นไว้ใต้เก้าอี้ในห้องประชุมนี่นา 
โอย !! เที่ยงครึ่งแล้ว ลงไปกินข้าวไม่ทันแน่ๆ 
ไม่เป็นไร..บะหมี่ซักห่อพออิ่มก็แล้วกัน 
....พี่คะ เจอแล้วนะคะ พี่ทำหล่นไว้ที่ห้องประชุมค่ะ 
“ อ้าว..เหรอ “ รับเอกสารคืน ไม่มีแม้แต่ขอบใจสักคำ 
แต่ฉันกลับปลื้ม ที่ทำให้เจ้านายพอใจได้ ใกล้เลิกงานแล้ว.. รีบกลับบ้านไปนอนดีกว่า 
“ ช่วยแก้งานตรงนี้ให้พี่หน่อยนะ เสร็จแล้ววางไว้บนโต๊ะพี่เลย พี่กลับก่อนล่ะ 
ว่าแต่ว่า เราน่ะมีธุระอะไรรึเปล่า คงต้องกลับช้านิดนึงนะวันนี้ “ 
... ยิ้มรับ.. ไม่มีธุระอะไรค่ะพี่ เดี๋ยวหนูพิมพ์ให้เลยค่ะ 
โทรหาเจ้านายตอนเกือบทุ่ม .. พี่ขา หนูแก้ไข และตรวจทานเรียบร้อยแล้วค่ะ 
หนูวางไว้บนโต๊ะนะคะ 
“ กลับดึกจังลูก จะอาบน้ำก่อน หรือ กินข้าวก่อนล่ะ ?? “ 
....เงียบไม่มีเสียงตอบ ไม่มีรอยยิ้ม ... 
“ มา มา แม่ช่วย “ แม่รวบของจากมือฉันไปวางบนโต๊ะ ... 
หนูเหนื่อยมากเลยแม่ หนูอยากพักผ่อน กำลังจะเดินขึ้นห้อง ... 
ฮัลโหล..สวัสดีค่ะ..เจ้านายเหรอคะมีอะไรรึเปล่าคะ ... 
อ๋อ !! ไม่ยุ่งค่ะ เดี๋ยวหนูจัดการให้เลยค่ะ 
กุลี กุจอ เปิดคอมพิวเตอร์ ... เจ้านายคะ เรียบร้อยแล้วค่ะ 
แม่..หายไปไหน ในครัวไม่มี ห้องนอนไม่มี 
. . . แม่นั่งอยู่หลังบ้านเหงา ๆ คนเดียว . . . 

แม่แอบร้องไห้ ... เพราะฉันสินะ ฉันทำให้แม่ต้องร้องไห้ 
แม่..ดูแลฉันมาทั้งชีวิต 
เป็นห่วงฉัน รักฉันมากกว่าใครๆ 
แต่..ฉันตอบแทนได้สาสมเหลือเกิน 
ฉันเริ่มทบทวน... เจ้านายคนที่ให้เงินเดือนฉัน กับ แม่คนที่ให้ความเป็นคนแก่ฉัน 
เพื่อประจบสอพลอเจ้านาย ฉันทำร้ายผู้ให้กำเนิดได้เพียงนี้เลยหรือ.. 

แม่ ... หนูขอโทษ 
ใคร??? เคยเป็นแบบฉันบ้าง ....... 


............................................................................... 

ใน ชั่วชีวิตของคุณ คุณอาจจะเปลี่ยนงานหลายๆ ครั้ง คุณอาจจะมีเจ้านายนับไม่ถ้วน แต่ตลอดชีวิตของคุณ.....คุณมีแม่มีเพียงคนเดียวครับ คนเดียวจริงๆ ทำดีกับท่านไว้เถอะค่ะ อย่าทำให้ท่านต้องร้องไห้เพราะการกระทำของคุณเลย....คุณอาจจะรักท่านน้อยลง ทุกๆ วัน แต่ท่านไม่เคยรักคุณลดลงเลย ตรงกันข้ามท่านกลับรักและเป็นห่วงคุณมากขึ้นทุกๆ วัน.... 

สวัสดีวันแม่ค่ะ

Wednesday, August 10, 2011

Las Vegas: The most unique city in the world



"What happens in Vegas, Stays in Vegas"

Bellagio Dancing Fountain


----------------------------------------------------
สวัสดีเจ้า...หลังจากหายหน้าหายตากันไปหลายวัน..วันนี้ PhD น้อยขอทำหน้าที่แว๊นซ์ .. เอ้ย Wanderer กันต่อไป โดยวันนี้ PhD น้อยจะขอลัดฟ้า พาไปเที่ยว Las Vegas ณ America .. เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งความบันเทิงระดับโลก ซี่งเมืองแห่งนี้ นอกจากจะเป็น เมืองแห่งความบันเทิงอันเย้ายวน คาสิโนอันยิ่งใหญ่ แต่ลักษณะภูมิประเทศที่กว้างใหญ่ทั้งที่เป็นทะเลทราย ภูเขา หรือสิ่งก่อสร้างที่เกิดขึ้นจากฝีมีมนุษย์ ก็งดงามแปลกหูแปลกตา น่าชมอยู่ไม่น้อยทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน

หลังจาก ตกลง ปลงใจว่าทริปนี้เราจะไปอเมริกา..พวกเราก็เริ่มหาข้อมูล .. การไปครั้งนี้ไปทั้งหมดสองอาทิตย์ ซึ่งประกอบไปด้วยเมืองใหญ่ทั้งทางด้านตะวันตกและตะวันออกของ USA ได้แก่ San Francisco, Los Angeles, Las Vegas และ บินกลับไป New York แต่วันนี้ เนื่องจากว่าPhD น้อยกลัวว่าทุกคนจะเบื่อกับโบสถ์ ภูเขา ปราสาท ยุโรป การเรียน ธรรมะ..PhD น้อยจึงต้องขอลัดฟ้าลัดคิว พาไปแหล่งอกุศล พาไป Sin City.. Las Vegas แห่ง Nevada ..เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราเริ่มกันเลยค่ะ

Tips:
1) การเดินทาง โดยเครื่องบิน จะลงที่สนามบิน McCarran International Airport
2) ถนนเส้นหลักของ Vegas เรียกว่า The Strip อยู่ห่างจากสนามบินประมาณ 2 km
3) โรงแรมระดับ 5 ดาว เช่น Bellagio, Ceasars Palace, The Venetian ไม่ได้แพงมากเสมอไป ขึ้นอยู่กับ promotion และ ฤดูท่องเที่ยว ผู้พักติดดินอย่างเรา สามารถ Afford ได้
4) ถ้าไม่มีรถ ไม่แนะนำให้พักในเขตนอก Strip เพราะการเดินทางเข้ามาค่อนข้างลำบาก ไกล ไม่สามารถเดินเท้าแบบเที่ยวยุโรปได้

Buffets:
สิ่งที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยื่อน Vegas คือต้องทานบัฟเฟต์ค่ะ ( ที่นี่อ่านว่าบัฟเฟต์นะ ไม่ใช่ บุฟเฟ่ต์) โดย Buffet ที่นี่มีมากมายหลากหลายให้เลือก ตาม Casino แทบทุกแห่งใน Vegas ใช้ Buffet เป็นสิ่งดึงดูดลูกค้าอย่างหนึ่ง โดย Buffet หลักๆ ที่ถูกแนะนำกันมาแบบพลาดไม่ได้คือ
1) Carnival World Buffet @ Rio เป็นบัฟเฟต์อาหารนานาชาติ ขนมหวานนานาชาติ คนส่วนมากมาทาน ปู Alaska แบบไม่อั้นกันค่ะ


น้องปูผู้น่าสงสาร @ Rio Carnival World Buffet
2) The Buffet at Bellagio @ Bellagio อันนี้ PhD น้อยไม่ได้ทานค่ะ แต่อ่าน review มาเค้าบอกกันมาว่าดีและคุ้ม
3) Buffet นี้พลาดไม่ได้สำหรับคออาหารญี่ปุ่นเช่นตัว PhD น้อยเอง ขอบอกว่า เด็ดมากกกก ! ร้านนี้ไม่ได้อยู่ในเมือง แต่ว่าสามารถนั่งรถเมล์ออกมาได้ ประมาณ 20 นาที ( PhD น้อยจำไม่ได้แล้วว่าไปยังไง แต่ PhD น้อยถ่ายนามบัตรมาให้ :D ) ชื่อร้าน Makino ค่ะ ..เชิญดูรูปข้างล่างได้เลยค่ะ Review เสียแบบว่าเค้าจะให้ค่านายหน้าด้วย อิอิ


Buffet อาหาร ญี่ปุ่น @ Makino
Makino : มาเป็นชุดเลยค่ะ

กองทัพ Fusion Sushi @ Makino

Sushi แบบไม่อั้น

California Roll ก็มีน้าา

แล้วก็ขนมหวาน

Strawberry and Mash mellow dip choc 

Banana Crepe

Some Fresh Fruits

Green Tea and Sesame ice-creme 

Buffet Tips: ทาน Buffet ที่ Vegas ตักมาเยอะแยะ.. ทานไม่หมดไม่เปนไร เค้าไม่ว่า..ที่นี่ออกแนวทานทิ้งทานขว้าง..(แต่ไม่ดีหรอกค่ะ เปลืองทรัพยากรโลก) อ่อ ทานเสร็จแล้ว อย่าลืม Tips ด้วยนะ.. Tips กันเป็นกิจกรรมหลัก ประมาณ 20-30% ของราคา..จนกันไปเลยทีเดียว
-------------------------------------
ทานอาหารอิ่มกันแล้ว ทีนี้ พร้อมตะลุยทัวร์โรงแรมกันได้เลย โดยโรงแรมต่างๆที่พาไปเที่ยว จะอยู่บน Strip กันนะคะ แล้วถ้าเกิดว่าเราตั้งใจมาทัวร์โรงแรม แนะนำให้นั่งรถ Monorail ของ Vegas เลยนะคะ http://www.lvmonorail.com/ สาเหตุที่ต้องนั่ง Monorail ก็เพราะว่า แต่ละโรงแรมมันใหญ่มากกก เดินยังไงก็เดินไม่ไหว แค่เดินในโรงแรมแห่งเดียวเช่น Bellagio หรือ Ceasars Palace ก็เล่นเหนื่อย หมดไปเกือบวันแล้วค่ะ .. ทีนี้ PhD น้อย ก็จะขอเก็บแต่ที่หลักๆละกันนะคะ

1) Bellagio โรงแรมหรูอันดับหนึ่งของ Las Vegas 
Free Show : Fountains at Bellagio เปิดแสดงทุกครึ่ง ชม ตั้งแต่บ่าย 3 ถึงหนึ่งทุ่ม Mon-Fri, ตั้งแต่ เที่ยงถึงหนึ่งทุ่ม Sat-Sun, และทุก 15 นาทีตั้งแต่หนึ่งทุ่ม ถึง เที่ยงคืนทุกวัน (ยกเว้นวันอากาศไม่ดีมากๆ เช่น ลมแรงมาก เป็นต้น)
Costly Show: Highly recommended "O by Cirque du Soleil" ( ต้องดูค่ะ ดูแล้วมาบอกด้วยว่าเกี่ยวกับอะไร พอดีPhD น้อยจองตั๋วไม่ทันเลยอดดู อันนี้แนะนำมากค่ะ)
Luxury Shop: Via Bellagio ประกอบด้วยของ Hiso ทุกอย่าง Chanel, Armani, Gucci, LV, Tiffany and etc (อยากได้ แต่ไม่มีตังค์ 555)


Bellagio and the dancing fountain


Real tulip garden at Bellagio
Decoration @ Bellagio
Swimming Pool @ Bellagio ไม่ได้เล่นค่ะ 555
เพิ่งรู้ว่าหน้า Eiffel มีแม่น้ำด้วย อิอิ ... อ่าว ของปลอม :P
2) Ceasars Palace: ที่นี่ก็ใหญ่มากเหมือนกันค่ะ ถ้าใครจำ The Hangover ภาคแรกได้ มาถ่ายที่นี่ Casino ที่นี่ใหญ่และสวยมาก และเป็นที่ที่ถ่ายหนังมากที่สุดในบรรดา Casino ที่ Vegas ค่ะ
Free show: Fall of Atlantis Fountain and Aquarium at Forum shop เป็นการแสดงแสง สี เสียง effect น้ำ ไฟ ในเรื่องการต่อสู้ชิงบัลลังค์ Atlantis ของเชื้อสายกษัตริย์ Atlas ค่ะ มีตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 11 โมงทุกวัน
Sculpture at Ceasars Palace
วันนี้ PhD น้อยพาไปเที่ยวเท่านี้ก่อนค่ะ เนื่องจาก Las Vegas และแต่ละโรงแรม รายละเอียดเยอะเกิน ! เอาไว้ขอนั่งนึกต่อก่อน จะได้มีเรื่องที่มีสาระมาเล่าให้ฟังกัน วันนี้ขอลาไปด้วยวิวสวยๆของ Strip ตอนกลางคืนนะคะ หลับฝันดีทุกคนนะคะ
Strip at night taken from the Stratosphere 
Strip at night
The Stratosphere, Casino with thrill rides on the top