Friday, February 24, 2012

Welcome to Eze, the good old days with the alleys of the medieval village


"Magic place in the azure, Eze seduces. The atmosphere is authentic
and Eze has kept the tradition even now that it has become
an international touristic site"



สวัสดีค่ะชาว Bloggie..เอ้ย Blogger !! สุดสัปดาห์นี้เรายังคงเดินทางท่องเที่ยวกันต่อไป..จากครั้งก่อน ..นานแสนนาน ณ ดินแดนอันหนาวเหน็บโพ้นทะเล (อังกฤษ) .. PhD น้อยได้พาไปเที่ยว Cote d'azur @ Nice หรือ French Riviera แห่งฝรั่งเศสตอนใต้ .. และหลังจากนั้น การเดินทางและภารกิจของเราก็ค้างไว้ และ ค้างไว้..ชีวิตหลังจากนั้นก็ได้ผ่านเรื่องราวมามากมาย ทั้งทุกข์ สุข สนุก เสียใจ ร้องไห้ ล้มเหลว ดีใจ ประสบความสำเร็จ และมาถึงวันนี้อีกครั้ง .. วันที่ PhD น้อยคนเดิม สามารถนำความสุข และ ประสบการณ์แห่งการเดินทางของชีวิต มาเล่าสู่กันฟัง ให้ชาว Wanderer ได้ฟังอีกครั้ง.. ( เกริ่นมานาน ควรจะเข้าเรื่องได้ซะที)


ปล. ถ้าฉันเรียนปริญญาเอกสาขาท่องเที่ยวศาสตร์..ป่านนี้ฉันเรียนจบไปนานแล้ว !!!!




เอาหล่ะ..ความเดิมตอนที่แล้ว เราไปเที่ยวเมือง Nice กันมา และถ้ามา Nice แล้ว จะไม่แวะไปเที่ยว Cannes และ Monaco ก็จะเป็นการเสียเที่ยวเปล่าๆ ใช่ค่ะ เมือง Cannes ที่เขาจัดเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ Film Festival กันนั่นแหละค่ะ ส่วน Monaco เมืองหรูและ Grand Casino ระดับโลก Casino Monte Carlo และสนามรถแข่ง Formula 1 ที่ใครๆก็กล่าวถึง..และถ้าใครได้ดู CARS2 ภาพยนตร์ Animation ของ Disney Pixar เมือง Porto Corsa สถานที่แข่ง World Grand Prix นี่ก็ได้ต้นแบบ และแรงบันดาลใจมาจากเมือง Monaco นี่แหละค่ะ


และเนื่องจากเดี๋ยวจะนึกภาพกันไม่ออก..PhD น้อยจึงขอถือโอกาส เปิดตัวด้วย ผังเมือง Monaco และ Porto Corsa (ไม่มีอยู่จริงนะคะ) ที่ Pixar ได้สร้างขึ้นมาเป็น World Grand Pix  .. และหลังจากนี้ เราจะเริ่มออกเดินทางจาก Nice กันเป็นเรื่องเป็นราวนะคะ


Casino Monte-Carlo, Monaco


Porto Corsa
Monaco's Formula 1 Track






















Porto Corsa
เอาล่ะคะ..ทีนี้ เราจะเริ่มออกเดินทางจาก Nice เพื่อไป Eze Village หมูบ้านเก่าแก่ในยุคกลางริมทะเลเมติเตอร์เรเนียน และต่อไปใช้ชีวิตสุดหรูกันที่ Monaco เลยค่ะ


จาก Nice เราเดินทางสู่ Monaco ได้สองวิธี 
1) ถ้านั่ง Bus ไป คือ Bus # 82 นั่งไปลงที่ Eze Village ใช้เวลาประมาณ 20 นาที 
2) นั่ง Train ไป เร็วกว่า และรถไฟวิ่งขนาบ เลียบทะเลสีน้ำเงิน สวยมากๆค่ะ รถไฟขึ้นที่สถานี Nice VIlle ได้เลยค่ะ ค่ารถไฟคนละ 3 ยูโร มีเรื่อยๆทุกครึ่ง ชม นั่งไปประมาณ 10 กว่านาทีก็ถึงสถานี Eze แล้วค่ะ (PhD น้อย นั่งรถไฟไปนะคะ เนื่องจากต้องการทำเวลาไงคะ)


Cote d'Azur train line นั่งจาก Nice Ville ไปลงที่ Eze











Take No. 83 Bus to Eze Village




หลังจากที่มาถึงสถานี ซึ่งเรียกว่า Gare SNCF แล้ว รอรถบัสที่หน้าสถานีเพื่อขึ้นไปที่ Eze Village ได้เลยอันนี้คือตารางรถบัส Update เมื่อ June 2011 นะคะ ค่ารถคนละ 1 ยูโร พาเราเลี้ยวขึ้นภูเขาสูงมากกกๆๆๆ นี่คือแผนที่ของ Eze Village ค่ะ เผื่อว่าใครมองไม่เห็นภาพว่ามันสูงยังไง



และแล้วก็มาถึง Eze Village, Eze เป็นหมู่บ้านสมัยยุคกลาง หรือยุค Medieval ที่เรียกว่า Perched village หรือหมู่บ้านบนภูเขา เหนือทะเลเมดิเตอเรเนียน สมัยก่อน Eze เคยมีปราสาทอยู่บนยอดเขา สร้างขึ้นเมื่อคริสต์ศตวรรตที่ 12 แต่ถูกรื้อไปในปี 1706
Lavender at Tourist Information




















Chicky at the Village

หลังจากนั้น เมื่อเราเดินตามalleys ตรอก ซอก ไปเรื่อยๆจนถึงยอดเขา จะเจอ Jardin Exotique หรือ Exotic Garden ซึ่งเป็นสวนที่มีต้นกระบองเพชรนานาชนิด หรือจาก Village ด้านล่าง เดืนมาตามลูกศรได้เลยค่ะ ค่าเข้าสวนนี้ประมาณ 5 ยูโร


Jardin Exotic
























ตรง จุดนี้วิวสวย ตรงยอดเขานี้สูงประมาณ 429 เมตร มองไปเห็นวิวของชายฝั่งตอนใต้ของฝรั่งเศส ที่เรียกว่า Cote d’Azur หรือ The Blue Coast เมดิเตอเรเนียน


The Blue Coast













หลังจากถ่ายรูปที่จุดนี้ ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่สวยสุดเรียบร้อย ระหว่างทางลง อย่าลืมแวะชมสุสาน ซึ่งเป็นอีกจุดชมวิวหนึ่ง ที่สามารถเห็น Viaduct ได้ชัดเจนค่ะ และ พิเศษสุดๆ สำหรับใครที่อยากได้บรรยากาศแบบ French French นั่งจิบน้ำชา ชม Blue coast ขอแนะนำให้ไปที่ Le Chateau de la chevre d'or โรงแรมเล็กๆน่ารัก ณ Eze วิวสวยมากค่ะ 


** ปิดท้าย ใครอยากได้ของจุกจิก ชุดน้ำชาน่ารัก หรือ Outlet น้ำหอม ด้านล่างมีนะคะ 


หลังจากที่ชม Eze กันเรียบร้อยแล้ว เราไปรอรถ Bus ที่จุดเดิม เพื่อพาเราไปส่งที่สถานีรถไฟด้านล่าง และต่อรถไฟไป Monaco ค่ะ สำหรับที่เที่ยว Monaco นะคะ PhD น้อยขอ List ไว้ให้ตามนี้เลยค่ะ


1) พลาดไม่ได้ Carsino Monte Carlo ค่าเข้าอย่างเดียว 10 ยูโรค่ะ Casino Monte Carlo นี่จะอยู่ใกล้ๆกับโรงแรม Hotel de Paris ซึ่งถือว่าเป็นโรงแรมที่หรูที่สุดใน Monaco ด้วยค่ะ


2) Palais Princier หรือพระราชวังของราชวงศ์ Grimaldi (  Le Palais Princier de Monaco) โดย เราต้องนั่งรถเมล์ของ Monaco สาย 1 หรือ 2 ไปลงที่ Monaco ville (เที่ยวละ 1 euro หรือ 10 เที่ยว 6 ยูโร) สำหรับราชวงศ์ Grimaldi สมาชิกราชวงศ์นี้ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดก็เจ้าหญิง Grace Kelly อดีตดาราฮอลลีวู๊ด ที่สมรสกับเจ้าชาย Renier III, Prince of Monaco และสิ้นพระชมป์เมื่อปี 1982 จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยเจ้าหญิง Grace มีบุตรและพระธิดา 3 องค์ด้วยกัน คือ Caroline, Albert, และ Stephanie ซึ่งวันที่ PhD น้อยได้ไป ทาง Monaco ได้กำลังจัดงานเฉลิมฉลองการอภิเศกสมรสระหว่าง Prince Albert และ Charlene ซึ่งเป็นนักว่ายน้ำโอลิมปิกเก่าของ South Africa ค่ะ


3)  la Cathédrale de Monaco ซึ่งเป็น โบสถ์ประจำชาติและประจำของราชวงศ์โมนาโก รวมถึงหลุมพระศพของราชวงศ์โมนาโกก็อยู่ที่นี่ค่ะ รวมถึง Rainier III de Monaco ที่เพิ่งจะสิ้นพระชนม์ไป และ เจ้าหญิงเกรซ Princesse Grace de Monaco. ด้วย


**นอกนั้นคือการเดินชมเมืองและซึมซับความฮายโซวค่ะ ที่นี่ถือ LV, Chanel, Hermes และอื่นๆกันเป็นว่าเล่น เปรียบเหมือนกับกระเป๋าธรรมดาๆ บ้านเรา ( อิจฉาาาา เกือบจะอดใจไม่อยู่ สอย Chanel ในดวงใจมาสักใบสองใบ..แต่พอดีไม่มีตังค์ เลยได้แต่มองๆ แล้วก็กินไอศรีม McDonald' อยู่ข้างนอกค่ะ )


เอาล่ะ เชิญชม Monaco กันได้เลย .. สำหรับอัลบั้มรูปพิเศษ Eze-Monaco ขอเชิญชมได้ที่ facebook Lynzie:PhD the Wanderer ได้เลยนะคะ ตามไป Click Like กันได้เลยค่ะ ยังมี Review ของที่ต่างๆ เช่น Zermatt Switzerland, Santorini Greece, Nice France, and Las Vegas USA อีกเต็มไปหมดเลยค่ะ แล้วเอาไว้เจอกันครั้งหน้า..การเดินทางของเรายังไม่จบกันแค่นี้หรอกค่ะ..ขอบอกว่าอีกเยอะมากกกก !!


Good night ค่ะ 


Monte Carlo

City view from Monaco Ville












Friday, August 19, 2011

Introducing French Riviera - Nice



The Côte d’Azur : French Riviera

Part (I) : Nice
สุดสัปดาห์นี้ กลับมาพบกันอีกครั้ง กับการเดินทางรอบโลกของ PhD น้อยนะคะ เป็นอย่างไรกันบ้างกับสัปดาห์ที่ผ่านมา งานเยอะกันมั้ยคะ ? ในส่วนของ PhD น้อย ภารกิจปริญญาเอกยังคงเยอะเหมือนเดิม และยังคงต้องอาศัย ธรรมะ และ การปล่อยวาง เข้าช่วยจิตใจเหมือนเดิมค่ะ เนื่องจาก PhD น้อยเป็นคนชอบเครียด และ บางที จริงจังกับเรื่องการเรียนมากเกินไป (ซึ่งความจริงแล้ว ปล่อยวางบ้างก็ได้) แต่ไม่เป็นไร อีกสองเดือนก็ได้กลับบ้านไปเจอหน้าครอบครัวสุดที่รักแล้วค่ะ เย้ๆ

...เอาล่ะ บ่นเยอะอยู่ทำไม..อากาศดีๆแบบนี้ ไปตะลุยทะเลกันดีกว่า...

ซึ่งทะเลที่ PhD น้อยจะพาไปวันนี้ ก็คือชายฝั่งทะเล Mediterranean แห่ง French Riviera อันโด่งดัง ณ เมือง Nice ดินแดน ฝรั่งเศสตอนใต้ นั่นเองค่ะ




ทริปนี้ เราเริ่มเดินทางจาก Zermatt ณ Switzerland..นั่งรถไฟต๊อกๆ มา Geneva และมาขึ้น EasyJet ตรงดิ่งมาที่ Nice เลยค่ะ สนามบิน Nice ติดทะเล เมดิเตอเรเนียน วิวสวยมากค่ะ

Tips: จากสนามบิน นั่งรถไฟเบอร์ 98 เรียบทะเล เข้ามาในเมืองได้เลยเจ๊าา
คราวนี้ ที่พัก PhD น้อยอยู่แถว สถานีรถไฟกลางเมือง ซึ่งเป็นศูนย์กลางหากเราจะนั่งรถไฟไปเที่ยว Cannes หรือ Monaco สำหรับผู้ที่จะแพลนมาเที่ยว Nice, Cannes, Monaco ให้เลือก พักที่ Nice เป็นศุนย์กลางได้เลยค่ะ Nice, Cannes, Monaco เที่ยวอย่างละวันก็หมดแล้ว
เมือง Cannes จะอยู่ห่างจาก Nice ประมาณ 30 นาที โดยรถไฟ เช่นเดียวกับ Monaco ห่างจาก Nice ประมาณ 40-50 นาที โดยรถไฟค่ะ (รายละเอียด จะพูดถึงในทริปวันต่อๆไป หลังจากนี้นะคะ)

Tips: หิวข้าวแล้ววว ทานอะไรดีนะ ง่ายๆ เร็วๆ ?? แล้วจะซื้อน้ำที่ไหนดีน๊าา 

ณ จุดนี้ยังไม่ต้องพึ่ง McDonald หรือ BK นะคะ .. เดินไปที่หน้าสถานีรถไฟ จะเจอ อาหาร Vietnam Fast food (ออกแนวข้าวราดแกงบ้านเรา+ อาหารจีน ) มีลูกชิ้น หมูปิ้ง ปอเปี้ยะสด ปอเปี้ยะทอด ก๋วยเตี๋ยวเวียดนามแบบ Pho ปลาผัดพริก หมูหวาน ข้าวผัดกุนเชียง เอ้ะ นี่อาหารไทยหรือเปล่า ?? ขอแนะนำว่าให้ลองทานดูค่ะ ราคาย่อมเยา รสชาติใช้ได้ แบบคาดไม่ถึงเลยค่ะ  (และกลายเป็นร้านอาหารหลักของ PhD น้อย งบน้อย ไปตามระเบียบ)

ส่วนน้ำ ร้านอาหารส่วนใหญ่ตาม EU จะชาร์ตค่าน้ำแพงกว่าปกติค่ะ ด้วยว่าน้ำที่นั่นไม่ได้ Fix ราคา ถ้าไปซื้อแถวชายหาด ก็เจอราคานักท่องเที่ยว ถ้าทานในร้าน ก็ราคาตามเมนู ดังนั้น PhD น้อยจึงขอแนะนำว่าให้หา Supermarket ต่างๆ ตามซอกซอย แล้วซื้อน้ำขวดใหญ่ตุนไว้หนึ่งขวดเลยค่ะ จะซื้อ Avian ก็ได้ราคาไม่แพง (ขวดใหญ่ประมาณ 0.25 Euro หรือมากน้อยกว่านี้ ราคา Supermarket ค่ะ ) ส่วนน้ำอัดลม ถ้าอยากทานก็ให้ซื้อใน Super เอาเช่นกันค่ะ..PhD น้อย ขอแนะนำ Liptonic Lipton ice tea ค่ะ เป็น Ice tea แบบซ่า...หาทานได้ที่ แถบ EU เท่านั้นค่ะ




เอาล่ะ ทีนี้ น่าจะพร้อมไปเที่ยวทะเลกันแล้ว..สมมติว่าเรามีเวลาวันนึงเต็มๆนะคะ สมมติว่าที่พักอยู่
แถวสถานีรถไฟกลางเมืองด้วย เริ่มได้แบบนี้เลยค่ะ

เริ่มจากถนนเส้นหลักของเมือง Avenue Jean Medicin ถนนเส้นนี้จะประกอบไปด้วยร้านค้าใหญ่ต่างๆ เช่น Zara, Sephora และมีรถรางผ่าน เดินตามถนนสายนี้ลงไปเรื่อยๆในทิศทางเข้าหา Beach ก็จะเจอ Place Massena ค่ะ  


Avenue Jean Medicin ในทิศทางเข้าสู่ Place Massena
Place Massena



  
จาก Place Massena ด้านซ้ายมือก็จะเริ่มเป็นย่านเมืองเก่าแล้วค่ะ ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ไปหาอาหารเช้าทานแถวๆนั้นก่อน เที่ยวแถวเมืองเก่าซักพัก แล้วค่อยลงไป Beach กันค่ะ

สุดถนนเส้นนี้ มีห้างใหญ่ Galeries Lafayette ที่พวกเรารู้จักกันดี สามารถหาซื้อ LV กันได้ ตามสบายกระเป๋าค่ะ 

จากจุดนี้ เดินเลาะซ้ายไปเรื่อยๆ มุ่งหน้าไปสู่ Cours Saleya ตลาดเช้าย่านเมืองเก่าของ Nice กันเลยค่ะ


เจอตลาดดอกไม้ เรียกว่า Marche aux Fleurs
ขนมหวานแบบ Provence Provence ลูกชุบบ้านเรานี่เอง ..หวานไปหน่อย ไม่หอมเหมือนบ้านเรา
ขายผักด้วย
เข้า Cafe แถวนั้น แล้วสั่ั่ง French Breakfast set ออกมาแบบที่เห็นค่ะ ครัวซอง กุ้กกิ้ก..แยมฝาน่ารัก..น้ำส้มจุ๋มจิ๋ม..กาแฟอ่อนๆ

อิ่มแล้ว เดินเล่นแถวนี้ซักพัก ดูร้านค้าขายของค่ะ


แถวนี้จะขายผลิตภัณฑ์ Lavender จาก Provence ซะส่วนใหญ่ค่ะ
โบสถ์ Saint Reparate แถวๆ Cours Saleya ค่ะ

หลังจากนั้น เราเดินต่อไปกันที่ Castle Hill (Colline du Chateau ) เพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิวบนเนินเขาค่ะ จาก Cours Saleya จะเจอทางเดินขึ้นเนิน พร้อมบ้านเมืองสีสันแบบ French Riviera แบบนี้ค่ะ



บน Castle Hill จะมีน้ำตกสูงๆอยู่หนึ่งอัน สวยดีค่ะ




วิวด้านหนึ่ง บน Castle Hills คือท่าเรือน้ำลึก
วิวอีกด้านหนึ่งคือ ชายหาด Promenade des Anglais หรือชายหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดของ Nice ค่ะ
หลังจากที่ลงมาจากเขา เราก็เดินไปยังชายหาดนี้กันได้เลยค่ะ ชายหาด Promenade des Anglais บน Mediterranean coast


มีหนุ่มๆสาวๆมาอาบแดดกันเต็มไปหมดเลยค่ะ หาดตรงนี้อาบแดดฟรีนะคะ 
Beach Volleyball
มุมอาบแดดแบบไม่ฟรี ต้องมี Ticket
อากาศที่นี่ร้อนมากค่ะ ร้อนเท่ากับเมืองไทย หรือบางทีก็มากกว่า อย่าลืมทาครีมกันแดดกันนะคะ ไม่งั้นกลับมาอีกทีดำ จะหาว่าไม่เตื่อนนะคะ

เดินเรียบหาดมา จะเจอ Le place Massena ซึ่งถือว่าเป็น Museum ที่สวยมาก และเปน a must visit at Nice ค่ะ แต่ PhD น้อยร้อน เลยไม่ได้เข้า แต่ถ่ายรูปมาฝากกันค่ะ


Le place Masesna
ถัดจาก Museum จะเจอโรงแรมดังของที่นี่ Hotel Le Negresco ซึ่ง Luxury มาก ถือว่าแพง และ หรูที่สุดใน Nice ค่ะ


Hotel Le Negresco
นั่งพักผ่อนชิวๆ ตากแดดเพลินๆ หรือจะเล่นน้ำอาบแดดก็ได้ เวลาเยอะค่ะ พอเย็น เรากลับมาที่ Cours Saleya ใหม่ มาทานอาหารเย็นแบบ Nice Nice กันค่ะ


ร้านอาหารเริ่มเปิดกันแล้วว
มา Nice อย่าให้พลาดค่ะ หอยนางรม ปูทะเลตัวใหญ่ๆจัดไป ( แต่ PhD น้อยไม่ได้ทาน Oyster ค่ะวันนั้น PhD น้อยก็จัดหนัก Paella ไปเหมือนกัน)

กุ้ง หอย ปู ปลา ค่ะ
เป็นยังไงกันบ้างคะ เที่ยวกันอิ่มหรือยัง ถ้ายัง..ติดตามชมอัลบั้ม Nice Nice กันได้ต่อ จาก อัลบั้ม Facebook ตาม Page LynZie : PhD the Wanderer ตามด้านบนได้เลยค่ะ

สำหรับใครมีข้อสงสัยใดๆ หรือต่้องการวางแผนเที่ยว เชิญใน Facebook หรือ หลังไมค์ได้เลยค่ะ

วันนี้ลากันไปแค่นี้.. Good Night ราตรีสวัสดิ์ฝันดีกันทุกคนนะคะ

Saturday, August 13, 2011

Santorini : Where the Sun meets the Sea

"I have a dream, a song to sing
To help me cope with anything..
If you see the wonder .. of a fairy tale
You can take the future .. even if you fail"


------------------------------------------
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่เหงาๆ ใน UK อากาศยังคงมืดครึ้มเหมือนเดิม แถมยังได้รับรายงานมาว่าเชื้อโรค E. Coli เริ่มระบาดแถวเมืองที่อยู่แล้วด้วย ช่วงนี้จะทานผักดิบหรือผลไม้ ก็ระวังกันหน่อยนะคะ ที่นี่ไม่ค่อยปลอดภัยเลย อยากกลับบ้านจัง

เอาหล่ะ PhD น้อยไม่บ่นแล้ว แต่วันนี้ PhD น้อยจะพาไปเที่ยว ในที่ที่ค้างคาไว้ จากที่บอกกันว่าไป ยุโรป 17 วัน..แล้ววีซ่าเหลือ ก็เลย "จัดไป" ทั้ง Athens และ Santorini เกาะสวรรค์ แห่ง ท้องทะเล Mediterranean ค่ะ

เราเริ่มเดินทางจาก Athens โดย Subway มาลงที่ท่าเรือ Piraeus เพื่อที่จะนั่งเรือไปยังเกาะ Santorini ค่ะ เรือโดยสารไปยังเกาะ สามารถดูได้ที่ http://www.bluestarferries.gr การเดินทางไป Santorini มีวันละสอรอบค่ะ รอบเช้าสุด 7.30 กับอีกรอบประมาณ 15.00 (โดยประมาณ) ค่ะ 
PhD น้อยและหมู่คณะ เลือกรอบ 7.30 am ใช้เวลาเดินทางบน ferry ใหญ่ ประมาณ 8 ชม ผ่านเกาะเล็กเกาะน้อย Andros, Syros, Tinos, Ios. Mykanos, Naxos, Paros บนท้องทะเล Aegean ..และในที่สุด ก็เดินทางมาถึง Santorini หรือ Thira ตามที่คน Greece เค้าเรียกกันค่ะ

Tips: ถ้าไปเที่ยวช่วง High Season ประมาณ May-August จองเรือไปก่อนก็ดีนะคะ กันพลาด

วิวตามเกาะต่างๆ ระหว่างทาง
เรือออกเดินทางต่อ พร้อมสีของน้ำทะเล เมดิเตอเรเนียน
พอนั่งเรือมาถึง ก็นั่ง Local Bus ขึ้นมาได้เลยค่ะ ค่ารถบัสประมาณ 2.2 ยูโรต่อเที่ยว มาลงในตัวเมือง Fira ซึ่งเป็นเมืองหลักของที่นี่ หรือใครจะเช่ารถขับก็ได้ ไม่แพงค่ะ เกียร์ธรรมดาราคาประมาณ 30 ยูโรต่อวัน แต่ที่นี่ขับกันมือซ้าย ก็เลยไม่ค่อยถนัดค่ะ 

First glance @ Fira
วิวด้านบน เป็นวิวที่มองจากเมือง Fira ค่ะ ซึ่งจะเห็นภูเขาไฟที่ดับแล้วอยู่กลางทะเล มุมด้านที่ติดทะเลลงไปแบบนี้และเห็นภูเขาไฟ จะเรียกกันว่า Caldera View หรือ Volcano View ค่ะ โรงแรมที่ติดด้านนี้จะแพงมาก หรือบางที่ ก็จะมีการสร้างสระว่ายน้ำ เป็น Pool Villa แบบติดหน้าผา เล่นน้ำไป มองเมติเตอเรเนียนไป มีความสุขจริงๆค่ะ ( ที่พัก PhD น้อย งบน้อยตามชื่อ..จึงไม่มีวิวแบบนี้ให้เห็นค่ะ )
Santorini's signature, with the Caldera view
Santorini เป็นเกาะเล็กๆ ที่มีบ้านเมืองสีขาวเรียงรายอยู่ตามหน้าผาเต็มไปหมด เมืองที่ดังมีอยู่ 2 เมือง คือ Fira และ Oia (อ่านว่า "เอีย" ) ที่นี่ นอกจากจะมีชื่อเสียงของบ้านเมืองสีขาวน่ารักแล้ว (ถ้าใครเคยดู Mama Mia ก็คงจะจำกันได้โน้ะ)  เมืองนี้ยังถือกันว่า เป็นเมืองที่มีจุดชมพระอาทิตย์ตก ที่สวยงามติดอันดับโลก ซึ่ง อยู่ที่ Oia ค่ะ เดี๋ยว PhD น้อยจะพาไปชมทั้งสองจุดเลยนะคะ

Tips: การเดินทางใน Santorini ถ้าจะเดินทางจาก Fira ไป Oia แล้ว สามารถทำได้โดยรถยนต์ส่วนตัว รสบัส หรือไม่ก็เช่า Scooter ขับบนเกาะได้ค่ะ

Where the Sea meets the Sun @ Fira
มืดแล้ว..ไปหา Waffle กะ Milkshake กิน ที่ Cafe น่ารักๆดีกว่า
ที่นั่งน่ารักมากมาย..อยากมาอีกจัง
หมดแรง วันนี้พอแค่นี้ก่อน zzZZ..........เช้าแล้ววว อิอิ เร็วมั้ย..ไปเที่ยวกันต่อเลยค่ะ เริ่มเลย กับ โบสถ์ที่ Santorini ซึ่งมีลักษณะเด่นเป็นรูปโดมสีน้ำเงิน และ มีไม้กางเขน เป็นเอกลักษณ์อย่างนึ่งของเกาะ

วันนี้ตื่นมาพร้อมกับกล้อง Nikon D90 ค่ะ มะช่ายกล้องกิ้กก้อก G11 
Santorini เป็นเกาะที่อยู่บนภูเขาค่ะ ต้องนั่งรถเมล์ขึ้นมา สูงมากก
ได้เวลาไป Oia แล้วค่ะ เดียวไม่มีเวลาเที่ยวที่นู่น ต้องไปจองที่นั่งชมพระอาทิตย์ตกอีก กลับไปนั่งรถเมล์ที่ Fira Square นั่งสาย 11 ไปลงที่ Oia สุดสายเลยค่ะ

Oia, Santorini
เหนื่อยแล้ว..นั่งกิน Milkshake ที่ Cafe กับวิวตรงหน้าที่ Oia ค่ะ
เดินไปเดินมา..รีบๆไปจองจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในโลก @Oia
เดินไปถึงสุดเกาะ Oia เลยค่ะ สำหรับวิวชมพระอาทิตย์ตก จริงๆแล้วเนี่ย นักท่องเที่ยวจะนิยมไปชมกันที่ Castle View ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น the best sunset view เพราะว่าจะได้มุมที่กว้างมาก ของทะเลเมดิเตอเรเนียน แต่ PhD น้อยจะขอบอกว่า คนเยอะมากกก เหมือนไปชมกำแพงเมืองจีนอย่างไรอย่างนั้นเลย PhD น้อยก็เลยสวมวิญญาณเป็น ดญ. Santorini คอยด้อมๆมองๆดูว่า ชาวบ้าน Local เค้าดูกันตรงไหน ได้ผลว่า เค้าจะมาเร็วหน่อย มาจับจองพื้นที่ตามซอยเล็ก ซอกน้อย ตรงปลายสุดของ Oia กันค่ะ ซึ่งก็ได้ผล คนน้อย วิวสวย เงียบสงบ ได้วิวตามที่เหนค่ะ

As it claims, one of the most beautiful sunset spot of the world
Windmills @ Sunset at Oia
สำหรับรูปสวยๆ ใน Blog วันนี้พอแค่นี้นะคะ มิตรรัก แฟนเพลง สามารถติดตามรูปสวยๆของ Santorini ได้มากขึ้น จาก อัลบั้ม Santorini จาก page LynZie : PhD the Wanderer ใน Facebook โดย Follow link ด้านบน blog ได้เลยค่ะ

Good night ราตรีสวัสดิ์ค่ะ